สถาบันภาษา จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของมหาวิยาลัยที่จะรวบรวมทรัพยาการและผนึกกำลังทางวิชาการเพื่อให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษมีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานทัดเทียมนานาประเทศ โดยเริ่มตั้งเป็นศูนย์ภาษาอังกฤษเมื่อวันที่ 2 พฤษาคม 2518 ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 ได้รับการสถาปนาเป็นสถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University Language Institute หรือ CULI) ตามประกาศของคณะปฏิวัติ โดยรับโอนศูนย์ภาษาอังกฤษ (Central Institute of the Language หรือ CIEL) ในสำนักงานปลัดทบวง ทบวงมหาวิทยาลัย มาเป็นของสถาบันภาษาด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2537 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ทรงหระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฏีกาจัดตั้ง สถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบัน สถาบันภาษาได้จัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษทั้งในหลักสูตรปกติและหลักสูตรนานาชาติ/ภาษาอังกฤษแก่นิสิตทุกระดับของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวคือในระดับปริญญาบัณฑิต สถาบันภาษาให้บริการการสอนภาษาขั้นพื้นฐาน (คือรายวิชาภาษาอังกฤษเพ่อการเรียนรู้ในชีวิตจริง) ภาษาอังกฤษสำหรับสาขาวิชา ภาษาอังกฤษสำหรับอาชีพ และภาษาอังกฤษวิชาเลือกนอกจากนี้สถาบันภาษายังให้บริการการสอนภาษาอังกฤษระดับบัณฑิตศึกษาด้วย สถาบันภาษามีศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อสนองนโยบายมหาวิทยาลัยที่จะส่งเสริมให้นิสิตมีเจตคติและประสบการณ์ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ตลอดจนมีความใฝ่รู้ และสนใจแสวงหาความรู้ด้วยตนเองตลอดเวลา นอกจากนี้สถาบันภาษายังให้บริการวิชาการแก่สังคม เช่น สอนภาษาอังกฤษแบบเข้ม ภาษาอังกฤษเฉพาะกิจ และแบบซ่อมเสริมให้แก่ข้าราชการและบุคลากรในมหาวิทยาลัย ครูผู้สอนภาษาอังกฤษในระดับต่างๆ บุคคลภายนอก หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนนอกจากนี้ยังให้บริการสร้างแบบทดสอบภาษาอังกฤษ บริการจัดทำสื่อการสอนอิเล็กทรอนิกส์ และบริการแปล
สถาบันภาษา มีพันธกิจหลักคือการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้แก่คณะต่างๆในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและการบริการวิชาการและเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่วิชาการ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เสริม คือการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ในด้านการเรียนการสอน สถาบันภาษา ให้บริการแก่คณะต่างๆทุกระดับการศึกษาทั้งในหลักสูตรปกติและหลักสูตรนานาชาติ ยกเว้นคณะอักษรศาสตร์ ในปัจจุบันสถาบันภาษารับผิดชอบสอนนิสิตจำนวนประมาณ 10,000 คน/ภาคการศึกษา และรายวิชาต่างๆประมาณ 100 รายวิชา สถาบันภาษาให้บริการวิชาการแก่สังคมในรูปแบบการฝึกอบรมด้านทักษะการใช้ภาษาและวิธีการสอนภาษา(Teaching methodology) ในรูปแบบของการแปล และการจัดทำแบบทดสอบคุณภาพ นอกจากนี้สถาบันภาษายังเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ โดยการจัดสัมมนาวิชาการระดับชาติเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ National Seminar และ Post RELC Seminar และจัดประชุมสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติ (International Conference) ทุกๆ 4 ปี และสัมมนาด้านวิจัยระดับนานาชาติ (International Research Conference) ทุกๆปีในหัวข้อที่อยู่ในความสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ นอกจากการจัดสัมมนาแล้งสถาบันยังผลิตวารสารภาษาปริทัศน์ วารสาร PASAA และวารสารอิเล็กทรอนิกส์ e-Journal for Researching Teachers
และเนื่องด้วยวัตถุประสงค์และนโยบายในการพัฒนาการศึกษาของแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2530 – 2534) ในส่วนที่เกี่ยวกับอุดมศึกษานั้น รัฐได้กำหนดไว้ว่า เพื่อการพัฒนาการอุดมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนั้น จะต้อง “ปรับปรุงหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องทันแก่การเปลี่ยนแปลง และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีตลอดจนให้มีความสมดุลระหว่างทฤษฎีและปฏิบัติ” และ “จัดหาอุปกรณ์ที่ทันสมัยและปรับปรุงระบบสารสนเทศและห้องสมุดของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อจัดการศึกษาและการวิจัยอย่างพอเพียง” (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2530)
อีกทั้งขณะนั้นเอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเริ่มมีแนวคิดร่วมกันที่ว่าการที่จะทำให้บัณฑิตมีคุณภาพดียิ่งขึ้นนั้น การเรียนการสอนควรจะต้องเปลี่ยนจากแนวคิดเดิมที่ว่ามหาวิทยาลัยเป็น “สำนักคัมภีร์” (College of Dogma) ที่เชื่อว่ามีความรู้อยู่เป็นมวล ส่วนใหญ่ในรูปคัมภีร์ ซึ่งระยะหลังคือ ตำรา มีการยึดมั่นถือว่า คัมภีร์หรือตำรา เป็นความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำเปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อได้ มาเป็นแนวคิดใหม่ว่า มหาวิทยาลัยเป็น “แหล่งค้นคว้าวิจัย” (College of Inquiry) ที่อาจารย์และนิสิตจะต้องบุกเบิกแสวงหาวิชาการใหม่ๆ หมายถึง เป็นผู้ที่มีปัญญาที่จะใช้วิจารณญาณใคร่ครวญถึงความถูกต้องเชื่อถือได้ของความรู้ มีความรู้เท่าทันความรู้ สามารถปรับเปลี่ยนความรู้ได้ตลอดเวลา รู้กระบวนการหาความรู้ กระบวนการแยกของจริงออกจากของเท็จ ไม่เชื่อง่าย ต้องพิจารณาดูข้อมูลและให้เหตุผลตลอดจนทำการพิสูจน์จึงจะเชื่อ(จรัส สุวรรณเวลา, 2530) ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงมุ่งมั่นที่จะให้มี “แหล่งทางวิชาการในรูปแบบต่างๆ เช่น ห้องสมุดและศูนย์การเรียนรู้ฯ” ซึ่งเป็น “แนวปฏิบัติที่ต้องเร่งดำเนินการ” (Montien Declaration, 2530) ทั้งนี้เพราะมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งเพื่อแสวงหาความจริงและถ่ายทอดความจริงที่ผู้รู้ค้นพบ เป็นแหล่งที่สนองความต้องการของสังคมในการแก้ปัญหาต่างๆและเป็นแหล่งเพื่อทำให้คนเป็นคนที่สมบรูณ์ (วิทย์ วิศทเวทย์, 2530)
ในส่วนของสถาบันภาษามีปณิธานที่จะ “จัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกับความต้องการของมหาวิทยาลัยและสังคม เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับนิสิตในการเสาะแสวงหายความรู้ และเป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ เป็นแหล่งพัฒนาและเผยแพร่วิชาการด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ.รวมทั้งทำการวิจัยที่เอื้อต่อการพัฒนาการเรียนการสอน โดยมุ่งหวังจะดำรงความเป็นเลิศทางวิชาการ” (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันภาษา, 2531)
ดังนั้นเพื่อให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และนโยบายในการพัฒนาการศึกษาของแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติในขณะนั้น จึงมีแนวปฏิบัติที่ต้องเร่งดำเนินการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปณิธานของ สถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันภาษาจึงเสนอจัดตั้งโครงการศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง สถาบันภาษา (CULI Self Access Learning Center) ไปยังมหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้